สำหรับการดูแลเด็กแน่นอนว่าอาจจะง่ายกว่าการ “ดูแลผู้สูงอายุ” ก็ได้นะครับ เพราะบางทีการดูและผู้สูงอายนั้นอาจจะน่าโมโห และ น่าหงุดหงิดกว่าเด็ก “ตรงที่พูดกันรู้เรื่องแล้ว” แต่กับหาจุดร่วมกันไม่ได้สักที แน่นอนว่าผมเชื่อว่าหลาย ๆ เขตนั้นเป็นอย่างนั้นแน่นอนไม่ว่าจะเป็นการ ดูแลผู้สูงอายุ พระราม2 หรือ บ้านพักคนชรา หรือ แม้แต่ ผู้สูงอายุติดบ้าน นั้นใช้สิ่งที่เหมือน ๆ กันหมด ลองมาดูกันดีกว่าครับว่าการดูและผู้สูงอายุให้ “มีความสุข” นั้นจะต้องทำอย่างไร ?
เข้าใจก่อนว่าผู้สูงอายุจะขี้เหงา
“ผู้สูงอายุ” คือคนที่ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับการติดบ้าน ทำอะไรที่บ้านหมด ในขณะที่ตัวเขานั้นอยู่บ้าน แต่คนอื่น ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ นั้นออกไปนอกบ้านทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นไม่แปลกเลยครับที่ผู้สูงอายุนั้นจะขี้เหงา แล้ว รู้สึกโดดเดียว หากเราว่าได้ดูแลผู้สูงอายุ และ จะต้องทำงานไปด้วย เราจะต้องเอาใจใส่เขามากเป็นพิเศษหน่อยอย่างเช่น ดูแลผู้สูงอายุ พระราม2 หลังจากทำงาน และฝ่ารถติดมาได้ แทนที่จะรีบขึ้นห้องนอน ลองหาเวลาอยู่ด้วยกันให้นานขึ้นสักหน่อยดีกว่านะครับ เขาจะได้ไม่รู้สึกเหงา
ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์จะกลายเป็นเด็ก
จากปกติที่คนเราเป็นผู้ใหญ่นั้นจะมีเหตุผลมากขึ้น แต่พอกลายเป็นสูงอายุนั้นจะให้ความรู้สึกว่าตัวเขานั้นกลายเป็นเด็กอีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องการใช้เหตุผลนั้นจะเปลี่ยนไปมาก เพราะจะกลายเป็นคนที่ใช้อารมณ์ในการตัดสินแทนใครทำอะไรขัดใจหน่อยจะไม่ได้เลย อะไรที่ขัดหูขัดตามักจะโดนเอ็ดตลอด วิธีแก้ปัญหานี้ง่ายมากครับ โดนเขาบ่นอะไรมาก็ทำตามที่เขาบอกเลยครับรับรองจบปัญหาแน่นอน
ผู้สูงอายุกลัวการโดนทอดทิ้ง
ในส่วนของผู้สูงอายุ ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือ ไม่ได้สะดวกเหมือนแต่ก่อน ความรู้สึกแรก ๆ ของเขาเลยนั้นคือ “กลัวการโดนทอดทิ้ง” เพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระให้กับลูกหลาน ทางที่ดีวิธีแก้ปัญหานี้ไม่ยากเลยครับ เราจะต้องทำและแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมจะดูแลเขาตลอดไปในชีวิตที่เหลืออยู่ เพราะผู้สูงอายุนั้นก็เหมือนกลับไปเป็นเด็กละครับกลัวนู่น กลัวนี้ไปหมด
เอาจริง ๆ การดูแลผู้สูงอายุนั้นไม่ได้มีอะไรมากมาย หรือ เรื่องอะไรที่เข้าใจยากเลยครับ เพราะเขาเพียงแค่กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจมากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากเข้าใจในจุดนั้นและสามารถเข้าใจเขาได้ เชื่อเลยครับไม่ว่าท่านจะดูแลผู้สูงอายุ พระราม2 บ้านพักคนชรา หรือ แม้แต่ผู้สูงอายุติดบ้าน จะเปลี่ยนไปและมีแต่ “ความสุข” แน่นอน ครับผม